Monday, March 9, 2015

Because of Love………เพราะรัก ตอนที่ 1

“อิชิ บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้นะ”
เด็กน้อยตัวกลมยืนสะพายเป้โบกมือหยอยๆให้เพื่อนๆที่เริ่มทะยอยกลับกันแล้ว ส่วนตัวเค้าเองก็ได้แต่ยืนหมุนตัวเล่นไปมา รอคอยให้ใครคนหนึ่งที่เค้ารักอย่างสุดหัวใจให้มารับเค้ากลับบ้านเสียที
“อิชิ”
“หม่าม๊า!!!
เด็กน้อยวิ่งกระโจนตัวเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น ซุกหน้าเข้ากับอกอุ่นที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนุ่ม แก้มใสถูกผู้มาถึงหอมฟัดอย่างมันเขี้ยว
“ฟ๊อดๆๆๆ คิดถึงจังเลยครับลูก วันนี้เป็นเด็กดีไหมครับ”
“อิชิก็คิดถึงหม่าม๊า วันนี้อิชิได้ดาวด้วยนะ เพราะอิชิเป็นเด็กดี อิอิ”
เด็กน้อยยืดอกชี้ให้คนเป็นแม่ดูสติกเกอร์รูปดาวสีแดง ที่ถูกแปะไว้บนอกเสื้อ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงว่าวันนี้ลูกน้อยได้ทำความดีจนได้รับรางวัลจากคุณครูประจำชั้น
“จริงเหรอ น่ารักที่สุดเลยครับลูก ฟ๊อดๆๆๆ”

“คุณคชาคะ วันนี้ในกระเป๋าน้องมีจดหมายแจ้งเรื่องประชุมผู้ปกครอง ถ้ายังไงรบกวนตอบกลับมาว่าจะสะดวกมาร่วมไหม  แล้วเอามาส่งคุณครูพรุ่งนี้นะคะ ใส่เป้น้องกลับมาก็ได้ค่ะ”
คุณครูพี่เลี้ยงใจดีของอิชิยืนยิ้มอยู่ข้างๆ คชาเอาขนมมาฝากพวกคุณครูบ่อยครั้ง ทุกคนจึงรู้จักคชาเป็นอย่างดี
“ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับครูอิ๊ด ถ้าอย่างงั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ ไหว้คุณครูก่อนครับลูก”


คชาปล่อยอิชิลง อิชิพนมมือก้มลงไหว้ครูอิ๊ดงามๆหนึ่งทีแล้วจูงมือคนเป็นแม่เพื่อเดินกลับบ้าน  บ้านของพวกเค้าไม่ไกลจากโรงเรียนนัก ในวันที่คชาอยู่บ้านอย่างวันนี้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขับรถมาให้เปลืองน้ำมัน ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย เด็กน้อยเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับเค้าในวันนี้ให้แม่ฟังอย่างตื่นเต้น คชาเองก็ยิ้มไปฟังไป ถามกระตุ้นให้ลูกตอบไป ในอกพองฟูด้วยความเป็นสุข ก็ลูกของเค้าน่ะทั้งเลี้ยงง่ายและเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้เค้าต้องเสียใจหรือกลุ้มใจเลยสักครั้ง เด็กน้อยพูดจ้อเสียงดังตลอดทาง  เดินมาได้สักพักไม่นานเค้าสองคนแม่ลูกก็กลับมาถึงบ้าน

“หื้มมม หอมจังเลย หม่าม๊าทำอะไรอ่ะ”
“หม่าม๊าอบมัฟฟินกล้วยหอมครับ”
“หม่าม๊า อิชิหิวแล้ว”
เด็กน้อยเบะปากลูบพุงตัวเองปอยๆ
“โอเคครับ งั้นไปล้างมือนะ เดี๋ยวหม่าม๊าใส่จานให้”
อิชิวิ่งเร็วจี๋เข้าไปล้างมือในห้องน้ำในขณะที่คชา เปิดเตาอบเช็คดูขนมที่เค้าอบทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนออกไปรับลูก กะเวลาไว้ว่าคงจะเสร็จทันพอดี
มัฟฟินกล้วยหอมวอลนัทร้อนๆส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาจากเตา คชาบรรจงหยิบมันขึ้นมาวางไว้บนจาน แล้วหั่นแอปเปิ้ลเป็นรูปกระต่ายวางไว้ข้างๆ2ชิ้น เทนมใส่แก้วลายกระต่ายเข้าชุดกันกับจานแล้วยกไปวางบนโต๊ะที่ตอนนี้อิชินั่งรอเรียบร้อยอยู่แล้วอย่างใจจดจ่อ
“อ่ะ ทานผลไม้ แล้วก็ดื่มนมด้วยนะครับ จะได้แข็งแรงนะ”
“หู้ มีคุณกระต่ายด้วยอ่ะหม่าม๊า”
“ใช่แล้วครับ กินให้หมดนะคนเก่ง ไม่งั้นคุณกระต่ายเสียใจแย่เลย”
เด็กน้อยหยิบมัมฟินขึ้นมากัดคำโต
“งื้อหม่าม๊า อย่อยยยย”
“ไม่เอาครับ หม่าม๊าเคยสอนว่าไง ไม่พูดเวลาอาหารอยู่ในปากใช่ไหม”
อิชิเคี้ยวขนมหนุบหนับเเต่ก็ผงกหัวตอบคนเป็นแม่ คชายิ้มน้อยๆ ลูบหัวลูกแล้วลุกขึ้นไปเก็บครัว

วันนี้มีออเดอร์ไม่มาก แต่งานทำขนมเป็นงานละเอียดอ่อน  ใช้เครื่องมือก็เยอะ ดังนั้นไม่ว่าจะทำมากทำน้อย ห้องครัวก็เละตุ้มเปะอยู่ดี
ชีวิตของคชาเริ่มต้นทุกวันด้วยการตื่นแต่เช้ามืดลุกขึ้นมาเตรียมขนมที่จะต้องนำไปส่งตามออเดอร์ของวันนี้ หากเป็นขนมที่เตรียมได้ตั้งแต่เมื่อวานอย่างพวกขนมแห้ง เค้าก็แค่จัดมันใส่กล่อง หรือถ้าต้องแต่งหน้าด้วยครีมหรือผลไม้สด เค้าก็จะได้ทำมันก่อนที่ลูกจะตื่น ขนมบางอย่าง ถ้าต้องทำสดใหม่วันต่อวันอย่างพวกมูสเค๊ก เค้าก็ต้องเผื่อเวลาไว้ทำหลังจากที่เอาลูกไปส่งที่โรงเรียนแล้ว พอเจ็ดโมงเช้า คชาก็เข้าไปปลุกลูกให้ตื่น อาบน้ำแต่งตัว ถ้ายังพอมีเวลา เค้าก็เลือกที่จะเดินไปส่งลูก แต่ถ้าหากต้องรีบเอาขนมไปส่ง เค้าก็จะขับรถแล้วเลยเอาขนมไปส่งเลย ลูกค้าของเค้ามีหลากหลายตั้งแต่ร้านกาแฟ ร้านอาหาร พวกพนักงานออฟฟิตตามบริษัทต่างๆ ข้อดีก็คือทุกที่ที่เค้าจะต้องไปส่งล้วนอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเค้านัก ถ้าหากเริ่มไปส่งขนมตอนเช้า ไม่เกินเที่ยงก็เสร็จ ได้กลับมาทานข้าวบ้าน ทำขนมของวันต่อไปแล้วรอไปรับลูกที่โรงเรียน 

“อิชิกินหมดแล้วครับหม่าม๊า”
เด็กน้อยยกจานกับแก้วลายกระต่ายมาให้คชาถึงอ่างล้างจาน แม้ว่าเด็กน้อยจะพึ่งสี่ขวบ เค้าก็เข้าใจดีว่าอิชิพยายามจะแบ่งเบาภาระของคนเป็นแม่ให้ได้มากที่สุด เพราะเค้าเห็นอยู่กับตาว่าแม่เหนื่อยแค่ไหน  หม่าม๊าต้องตื่นก่อนอิชิทุกเช้า เข้านอนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไหนจะงานบ้าน ทำกับข้าว ไหนจะต้องทำขนมขาย แล้วแถมยังต้องคอยไปรับไปไปส่งอิชิที่โรงเรียนอีก
“อิ่มรึยังครับลูก”
“อื่ม”
“งั้น....เล่นอะไรกันดีล่ะ ระบายสี หรือจะต่อจิ๊กซอดี”
“อื๊ออออ ไม่เอาอ่ะ หม่ามี๊ค้าบ ต่อเลโก้กันดีกว่านะ”
“โอเคครับ งั้นอิชิไปเลือกมาทีนะ ว่าวันนี้จะต่อชุดไหนดี”
เด็กน้อยวิ่งไปที่ชั้นวางของเล่น ยืนเลือกอยู่สักพักก็ตัดสินใจหยิบกล่องที่อาม่าพึ่งให้มาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อเดือนที่แล้ว

“หู๊ อันนี้แอบยากนะครับลูก หม่าม๊าจะต่อได้ไหมอ่ะ”
“หม่าม๊าก็ต้องพยายามสิครับ คนเราถ้าพยายามจะทำอะไรก็สำเร็จใช่มะ”
“5555 ครับๆ ถูกแล้ว”
คชาอดขบขันไม่ได้ ก็คำพูดนี้เค้าเองแหละที่เค้าค่อยพร่ำสอนเจ้าตัวเล็กจนจำขึ้นใจ เค้าไม่อยากให้ลูกเป็นคนที่พอท้อ แล้วล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ และมันก็ดูเหมือนจะได้ผล เพราะหลายๆครั้งพออิชิตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เค้าก็จะพยายามทำให้สำเร็จ อย่างเช่นเวลาที่เค้าเจอหนังสือที่เค้าชอบ เค้าก็พยายามหัดอ่านหนังสือให้ได้ทั้งเล่มด้วยตัวเอง แม้ว่าจะต้องให้แม่คอยช่วยอยู่บ้างก็ตาม จนตอนนี้ความสามารถในการอ่านของเค้าเกินจากเด็กในวัยเดียวกันไปไกลโขแล้ว
สองคนแม่ลูกพยายามต่อเลโก้ชุดใหม่เอี่ยมโดยทำตามคู่มือที่แนบมา มันไม่น่าจะยากนัก แต่ไม่รู้ทำไมคชาทำไม่ได้เสียที
“หม่าม๊า มันต้องต่อตรงนี้หรือเปล่า เนี่ยอันนี้เอาไว้ใส่ล้อมันสิ”
“มันใช่เหรอลูก ตรงนี้ในคู่มือมันป็นชิ้นสีเทาเนี่ย เห็นไหม”
“โอ้ย หม่าม๊าอ่ะ ไม่ได้เรื่องเลย อิชิรออาเก้ากลับมาช่วยดีกว่า”
เด็กน้อยทำหน้าเซ็งๆนอนแผ่หราลงไปบนพื้น คชาก็ได้แต่หัวเราะอย่างเหนื่อยใจ ของเล่นเด็กสมัยนี้ ซับซ้อนกว่าที่เค้าเคยเล่นเมื่อก่อนเยอะเลย แต่นั่นก็เพราะอิชิเป็นเด็กฉลาด ของเล่นหลายๆอย่างจึงเล่นเกินอายุไปเยอะแล้ว แม้แต่จิ๊กซอ เดี๋ยวนี้ถ้าต่อ30ชิ้น คชาก็ไม่ต้องช่วยเลย
“ขอโทษครับ ก็หม่าม๊าไม่ได้เก่ง เป็นวิศวะสุดเท่เหมือนอาเก้าเค้านินะ หม่าม๊าเป็นแค่คนขายขนมเอง”
“แต่ขนมของหม่าม๊าก็อร่อยที่สุดในปฐพีเล้ยยยยยย”
เด็กน้อยกระโดดขึ้นยืน อ้าแขนกว้างราวกับต้องการที่จะประกาศศักดาให้สมกับความอวดอ้างของเค้าแล้วโผลงมากอดคชาไว้เต็มแรง
“อิชิรักหม่าม๊าที่สุดเลย”
“หม่าม๊าก็รักอิชิครับ จุ๊บๆๆๆ”
สองคนแม่ลูกเล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนพื้นห้องรับแขก จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์สีขาวเครื่องจ้อยดังขึ้นขัดจังหวะ
“อะ ดูสิอิชิ อาเก้าโทรมาแหนะ”
อิชิลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นขณะที่หม่าม๊ารับโทรศัพท์
“ฮัลโหลเก้า ว่าไง”
(“วันนี้เก้าซื้อปูมาอ่ะ เดี๋ยววันนี้กินปูผัดผงกระหรี่กันนะ”)
“อิชิ วันนี้เราจะได้กินปูผัดผงกระหรี่ล่ะ” คชากระซิบบอกเด็กน้อยตากลมที่ยืนจ้องเค้าอยู่ข้างๆ
“เย่!
“ได้ยินเสียงลูกไหม ดีใจใหญ่แล้ว”
(“555  ได้ยิน งั้นบอกเค้า เดี๋ยวอาเก้าก็คงถึงบ้านแล้ว ไปเตรียมเครื่องปรุง แล้วหุงข้าวทีนะ จะได้กินกันไวๆ”)

วันนี้เก้าโชคดีที่ได้งานเลิกเร็ว งานวิศวะอย่างเค้าเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ ถ้าช่วงที่ติดอยู่ในออฟฟิตก็ดีไป แต่ถ้าช่วงไหนที่ต้องออกไซต์งาน บางวันกลับเช้า บางวันกลับค่ำ บางวันก็ใกล้ บางวันก็ไกล ไม่แน่ไม่นอน ถ้าโปรเจคไหนไม่ไกลบ้านมากก็ดีไป เพื่อนวิศวะด้วยกันบางคนถึงขั้นนอนค้างที่ไซต์งาน แต่เค้ายอมเสียเวลาเดินทาง แล้วเค้าจะไม่ชอบใจเลยถ้าต้องกลับบ้านช้า หรือออกไซด์งานต่างจังหวัด อดเป็นห่วงสองแม่ลูกไม่ได้ จนพวกเพื่อนๆที่ทำงานแซวเค้ากันยกใหญ่ว่าติดลูกติดเมียเหลือเกิน และเก้าเองก็ไม่เคยปฏิเสธว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเค้า คชาเองก็ไม่ใช่เมีย และที่สำคัญ คชาเองก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง
บ้านไม้สองชั้นหลังไม่เล็กไม่ใหญ่สีขาวสะอาดตาตั้งอยู่ริมแม่น้ำ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธ์ บ้านที่เค้ากับพี่ชายเกิดและเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ชีวิตในวัยเด็กของเค้ามีความสุขมาก แม้พวกเค้าจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่เคยขัดสน  พ่อของเค้าทำงานราชการ แม่เป็นแม่บ้าน ส่วนเค้าสองคนพี่น้องก็เป็นเด็กดี เรียนเก่ง และมีความสามารถหลากหลาย และมักจะได้รับรางวัลมากมาย ทำให้พ่อแม่ภูมิใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ทุกอย่างมันเริ่มลงเหวเมื่อตอนที่พ่อแม่ของเค้าประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งให้เค้ากับพี่ซึ่งกำลังเรียนมหาลัยต้องอยู่อย่างไม่รู้อนาคต เต๋า พี่ชายคนโตของบ้านตัดสินใจออกจากมหาลัยกลางคันเพื่อไปทำงานส่งเสียให้น้องได้เรียน แต่ไม่นานนัก เต๋าก็ขาดการติดต่อไป ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์,จดหมาย หรือการติดต่อใดๆมาอีก มีเพียงเงินที่ยังถูกส่งมาทุกเดือนไม่ขาด จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบห้าปีแล้ว

เก้าเปิดท้ายรถคว้าถุงอาหารสดและผลไม้เดินเข้าบ้านมา บ้านของเค้าอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมสารพัดชนิดที่คชาทำทุกวัน แถวบ้านของเค้าก็สงบเงียบปลอดภัยน่าอยู่ ชาวบ้านอัธยาศัยใจคอดี คชาเลยไม่เคยแม้แต่จะล๊อกรั้วหน้าบ้านซึ่งเค้าเองก็ติงอยู่หลายครั้ง
“โธ่ เก้า เราไม่ได้มีสมบัติอะไรให้เค้าเอาสักหน่อย ก็ลองมาสิ คชาจะ..........ชวนเค้ากินขนม5555555”
เก้าอดเอ็นดูในความติดตลกและมองโลกในแง่ดีของคชาไม่ได้ คชาไม่เคยเปลี่ยน เค้าสองคนสนิทสนมกันมานาน เรียนโรงเรียนเดียวกัน เข้าชมรมเดียวกัน มหาลัยเดียวกันจนกระทั่งคชาต้องออกจากมหาลัยเพราะท้อง
การที่ผู้ชายท้องได้นั้นเป็นเรื่องประหลาด และเป็นเคสหายาก ที่บ้านคชารับไม่ได้ที่ลูกชายคนโตของตระกูลอัญชุลีประดิษฐ์จะไปได้เสียกับผู้ชาย และที่เลวร้ายกว่า จนถึงขั้นท้อง แถมพ่อเด็กก็ไม่อยู่รับผิดชอบ เก้าเลยอาสารับคชามาดูแลแทน เพราะอย่างน้อยเค้าก็เป็นสายเลือดทางพ่อเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ และบ้านเค้าเองก็กว้างขวางเกินไปสำหรับเค้าคนเดียวอยู่แล้ว

“กลับมาแล้วครับ”
“อาเก้า!
อิชิวิ่งส่ายก้นกลมดุ๊กดิ๊กกระโดดกอดอาเก้าของเค้าเต็มแรง คชาที่สวมผ้ากั้นเปื้อนสีฟ้าอ่อนเดินออกมาเพื่อมารับถุงกับข้าวมากมายที่เก้าหิ้วกลับมาด้วย
“อาเก้าครับ วันนี้อิชิกับหม่าม๊าต่อเลโก้กันครับ แต่หม่าม๊าไม่ได้เรื่องเลย เลยทำกันไม่ได้ อาเก้าช่วยอิชิต่อทีนะครับ”
“พูดอย่างงี้ไม่น่ารักเลยอิชิ ไปว่าแม่เค้าได้ยังไงครับ คนเราก็ถนัดไม่เหมือนกันไง ให้อาเก้าทำอาหารก็ไม่อร่อยเหมือนของแม่หรอก หรือวันนี้..........ให้อาเก้าทำกับข้าวเย็นดีไหม หื้ม”
“อี้ ไม่เอาอ่ะ เดียวอาเก้าทำไหม้เหมือนไข่เจียวตอนนั้น แหวะ”
“ไม่เอาครับลูกพูดจาไม่น่ารักเลยวันนี้ เดี๋ยวหม่าม๊าไม่อ่านนิทานให้ฟังนะ”
“แง้ หม่าม๊า อิชิล้อเล่น อิชิไม่ว่าแล้วครับ อิชิรักอาเก้ากับหม่าม๊านะ”
เด็กน้อยยื่นหน้าไปหอมแก้มหล่อคมสันของคนเป็นอาแล้วซุกหน้าไว้กับคอแน่นอย่างรู้สึกผิด
“อาเก้าก็รักอิชินะครับ ฟ๊อด”
เก้าบรรจงหอมแก้มใสของเด็กชายในอ้อมแขน เด็กน้อยหัวเราะคิ๊กเบี่ยงหน้าหลบเมื่ออาเริ่มทำจมูกฟุ๊ดฟิดอยู่ตรงใบหูและคอของเค้า
“อาเก้า อิชิจั๊กจี้อ่ะ555 อาเก้าหอมหม่าม๊าบ้างสิ”
เมื่อได้ยินคำขอของเด็กน้อย ผู้ใหญ่สองคนได้แต่ยืนนิ่ง ทำหน้าไม่ถูก หลังๆนี้ลูกขอให้พวกเค้าสองกันกอดกันหอมกันบ่อยๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า
“ครอบครัวเดียวกันก็ต้องรักกันสิครับ ในหนังสือบอก”
“แต่หม่าม๊ากับอาเก้าก็รักกันนิครับลูก”
“ก็เวลาหม่าม๊ารักอิชิ หม่าม๊ายังหอมอิชิเลย หม่าม๊ากับอาเก้าก็ต้องหอมกันสิ ทีป๊ากะม๊าของนนท์ยังหอมกันเลย อิชิเห็น”
น้องนนท์เพื่อนห้องทานตะวัน เพื่อนสนิทของอิชิ พ่อกับแม่เป็นคนหัวสมัยใหม่ จึงแสดงความรักกันให้ลูกเห็นหลายๆครั้งเวลาอิชิไปเล่นด้วยที่บ้าน ตัวคชาเองก็ไม่อยากให้ลูกมีปมด้อย เพราะพ่อก็ไม่มี อยู่ที่ไหนเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ เค้าจึงตามใจอิชิค่อยข้างจะมาก จนเก้าต้องปรามหลายครั้งเพราะไม่อยากให้ลูกเสียคน

“เร็วๆสิครับ อาเก้าหอมหม่าม๊าเร็ว”
คชาก้มหน้าเสมองพื้น แม้ไม่ได้ห้ามแต่ก็ไม่ได้เสนอเชิญชวน เก้าเพ่งพินิจดูแก้มเนียนกับใบหน้าหวานที่ดูอ่อนวัยราวกับเด็กมัธยม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนร่างบางตรงหน้าจะอายุเกือบ 25 ปีเข้าไปแล้ว
เก้าใช้มืออีกข้างที่ยังว่างเชยคางของคชาให้เงยหน้าขึ้น ก่อนจะประทับจูบลงบนหน้าผากเนียน เค้าเขี่ยจมูกวนเลยลงมาถึงแก้มใส สูดกลิ่นหอมของเนื้ออ่อนๆนั่นจนเต็มปอด อิชินั้นมีกลิ่นหอมของแป้งเด็ก ส่วนคชา....หอมหวาน เหมือนขนม หรือดอกไม้ หรือเพราะว่ากลิ่นดอกแก้วในสวนหน้าบ้านที่พวกเค้ายืนอยู่นั้นผสมปนเปเข้ามาจนเค้าชักจะมึนเมาเสียแล้ว
เก้าละออกมาจากแก้มเนียนแล้วเพ่งพินิจใบหน้าใสของคนข้างหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อย เค้าลากนิ้วไปบนปากอวบอิ่มสีชมพูสดเผยอเชิญชวนให้ชิมลิ้มลองตรงหน้า  ริมฝีปากสวยที่เค้าไม่เคยได้สัมผัส

“งื้ออออ อาเก้า ทำไมจุ๊บเหม่งหม่าม๊าอ่ะ ไม่เห็นจุ๊บอิชิบ้างเลย”
เสียงใสของเด็กน้อยในอ้อมแขนขัดจังหวะห้วงความคิดของเค้า เก้าปล่อยมือจากใบหน้าสวยอย่างน่าเสียดาย
“โอเคครับ อาเก้าจุ๊บอิชิให้เยอะๆเลยนะ จุ๊บๆๆๆๆๆๆ”
“5555555 อาเก้าคับ พอแย้ว “
“เข้าบ้านกันเถอะ เย็นแล้ว เดี๋ยวยุงกัดนะ เก้าไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวจะได้ลงมากินข้าว”
“อิชิอาบน้ำกับอาเก้าได้ไหมครับ”
“เอาสิครับลูก แต่อย่าเล่นน้ำนานนะ”
“โอเค รับทราบ!”
เด็กน้อยทำท่าตะเบะเก๋ไก๋ราวกับรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอย่างใดอย่างนั้น ทั้งสามเดินเข้าบ้านที่เปิดไฟสว่างในยามเย็นดูอบอุ่นน่าอยู่เพื่อแยกย้ายกันทำธุระและหน้าที่ของตัวเอง

หลังจากที่ตาหนูเข้านอนแล้ว คชาก็หยิบกระเป๋าของลูกออกมาเปิดดู หยิบแฟ้มสีเขียวสดใสที่ทางโรงเรียนใช้เป็นสื่อกลางกับผู้ปกครองออกมา ข้างในจะมีรายงานถึงพฤติกรรมของลูก สิ่งที่ต้องนำไปในวันพรุ่งนี้ หรือกิจกรรมที่ผู้ปกครองต้องเข้าร่วม โดยปกติคชาจะเปิดกระเป๋าลูกทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เผื่อว่าถ้าคุณครูแจ้งมาว่าลูกทำตัวไม่น่ารัก คชาจะได้อบรบอิชิเสียเดี๋ยวนั้น แต่เพราะวันนี้อิชิเป็นเด็กดีจนถึงขั้นได้รับดาวแดงจากคุณครู เค้าเลยยอมให้ลูกเอาแต่ใจ หลังกินข้าวเย็น ก็ปล่อยให้เล่นต่อเลโก้กับอาเก้า อ่านนิทานให้ฟัง 6 เล่ม เด็กน้อยถึงจะยอมนอน

“จดหมายอะไรอ่ะคชา”
“อ๋อ จดหมายแจ้งประชุมผู้ปกครองน่ะ”
“เหรอ ต้องไปเมื่อไหร่ล่ะ”
“10โมง วันจันทร์หน้า”
“แล้วจะตอบว่าจะเข้าร่วมไหม”
“งืออออ ก็ต้องไปไหมอ่ะ ไม่อยากไปเลย จะไปส่งขนมยังไงละเนี่ย”
คชาเอนลงพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง ไม่เป็นไร ส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จแล้ว ตีรถไปส่งขนม แล้วค่อยกลับมาประชุมคงทัน
เก้าดึงจดหมายไปจากมือคชาแล้วนั่งลงข้างๆ
“อ้าว เค้ามีให้ผู้ปกครองเยี่ยมชมการเรียนการสอนด้วยนิ 8-10โมง จะไม่ไปดูเหรอ อิชิหันหลังมาไม่เจอแม่คงเสียใจแย่”
“ก็...... อยากดูนะ แต่ทำไงได้อ่ะ ขนม”
“คชา ทำขนมนี่จริงๆไหนบอกจะทำเป็นแค่งานอดิเรกไง ถ้าไม่มีเวลาก็เลิกทำก็ได้นะ แค่คชากับลูกน่ะ เก้าเลี้ยงได้ “
“ไม่ได้หรอกเก้า ตอนนี้ชากับลูกก็เกาะเก้าอยู่เกาะเก้ากินแล้วไหม จะอยู่อย่างงี้ไปตลอดไม่ได้หรอก ชาต้องเก็บเงิน เผื่อต้องย้ายออกไปอยุ่ที่อื่น”
“5555 พูดเว่อร์ละชา เกาะกินบ้าอะไร  แล้วจะย้ายไปไหนอ่ะ ไม่อยากอยู่กับเก้าแล้วงั้น”
เก้ายื่นมือไปลูบหัวเห็ดของคชาด้วยความเป็นดู คชายื่นปากไม่พอใจที่เห็นเพื่อนปฏิบัติกับตัวเองราวกับเด็กๆ
“ไม่ ก็.... เดี๋ยวสักพักเก้าก็คงต้องแต่งงาน บ้านนี้ก็ต้องกลายเป็นเรือนหอ จะให้เราสองแม่ลูกมาอยู่เจ้าสาวเค้าคงไม่ชอบใจหรอก”
“555555555555 อยู่ๆคิดขึ้นมาได้ไง เก้าเนี่ยนะจะแต่งงาน วันๆมีชากับลูก ก็ไม่มีใครเค้าเข้ามายุ่งกับเก้าแล้ว”
“งื้อออ งั้นชายิ่งต้องรีบย้ายออกใหญ่เลยอ่ะ”
เก้าเอื้อมมาดึงมือเรียวของคชาขึ้นมากอบกุม
“เก้าอยู่แบบนี้ก็มีความสุขดีแล้ว แค่มีชากับลูกที่บ้านของเราก็พอแล้วนะ ถ้าชาไปแล้วใครจะดูแลบ้าน ดูแลเก้า ทำกับข้าวอร่อยๆให้เก้ากินล่ะหื้ม ใจคอจะทิ้งกันลงคอเลยเหรอ”
“เก้าอ่ะ เก้าก็หาแฟนสิ”
คชายังคงตัดพ้อไม่เลิก  เก้ายิ้มอ่อนๆบีบมือคชาแน่นขึ้นอย่างมีความหมาย

“งั้น......ชามาเป็นแฟนเก้าไหมล่ะ “

No comments:

Post a Comment